วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

มาร์เลย์ เร็กเก้ เสรีภาพ




'บ็อบ มาร์เลย์ เขียนเนื้อร้องได้ทรงพลังเหมือนบ็อบ ดีแลน, มีเสน่ห์เฉพาะตัวแบบจอห์น เลนนอน และลักษณะสไตล์การร้องโดดเด่นอย่าง สโมกกี้ โรบินสัน'
: แจนน์ เวนเนอร์ ผู้ร่วมก่อตั้งนิตยสาร โรลลิ่ง สโตน

'อัลบั้ม เอ็กโซดัส ของ บ็อบ มาร์เลย์ แอนด์ เดอะ เวลเลอร์ส คืออัลบั้มที่ดีที่สุด ในศตวรรษที่ 20'
: นิตยสาร ไทมส์

'บ็อบ มาร์เลย์ ไม่มีวันถูกลบออกไปจากใจพวกเรา เขาคือหนึ่งในจิตสำนึกส่วนรวมของชาวจาเมกา'
: เอ็นเวิร์ด ซีกา อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศจาเมกา




แจนน์ เวนเนอร์ ผู้ร่วมก่อตั้งนิตยสารคนดนตรีชื่อดังอย่าง โรลลิ่ง สโตน เคยกล่าวยกย่องบุรุษผู้หนึ่งไว้อย่างสุภาพและนับถือว่า เขาเป็นซุปเปอร์สตาร์คนแรกที่มาจากประเทศโลกที่ 3 และเป็นผู้แนะนำโลกให้รู้จักกับพลังอันลี้ลับของบทเพลงแนวเร็กเก้ รวมถึงมีเอกลักษณ์ที่เป็นส่วนผสมของการเขียนเนื้อร้องทรงพลังอย่างบ็อบ ดีแลน, เสน่ห์เฉพาะตัวแบบจอห์น เลนนอน และสไตล์การร้องที่โดดเด่นเหมือน สโมกกี้ โรบินสัน เขาผู้นั้นมีนามว่า 'บ็อบ มาร์เลย์'

บ็อบ มาร์เลย์ บุรุษที่มาพร้อมสัญลักษณ์สีเหลือง เขียว แดง และดนตรีแนวเร็กเก้ จากประเทศจาเมกา ขณะที่หากจะหานักดนตรีเพื่อชีวิตที่ยิ่งใหญ่สักคนหนึ่ง บ็อบ มาร์เลย์ ต้องเป็นหนึ่งในรายชื่อเหล่านั้น อย่างไม่ต้องสงสัย

บ็อบ มาร์เลย์ เกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ปี 2488 และเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ในวัยเพียง 36 ปี เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ปี 2524 บทเพลงทรงคุณค่าที่บ็อบ มาร์เลย์ รังสรรค์ทั้งในนามของตัวเอง และวงดนตรี บ็อบ มาร์เลย์ แอนด์ เดอะ เวลเลอร์ส ได้รับการยกย่องอย่างสูง ทั้งในแง่ของการเป็นผู้เปิดศักราชใหม่ให้กับเร็กเก้และสกา รวมถึงในแง่ของความหมายนัยยะทางสังคมที่ลึกซึ้ง

อัลบั้ม เอ็กโซดัส ของ บ็อบ มาร์เลย์ แอนด์ เดอะ เวลเลอร์ส ได้รับการยกย่องจากนิตยสารไทมส์ ให้เป็นอัลบั้มที่ดีที่สุด ในศตวรรษที่ 20 ขณะที่ 'เลเจนด์' อัลบั้มรวมเพลงของบ็อบ มาร์เลย์ ซึ่งวางขายหลังเขาเสียชีวิตได้ 3 ปี ทำสถิติเป็นอัลบั้มเร็กเก้ที่ขายดีที่สุดตลอดกาล โดยมียอดจำหน่ายไม่ต่ำกว่า 25 ล้านแผ่นทั่วโลก

ในด้านของเนื้อร้องบ็อบ มาร์เลย์ ได้รับการยกย่องว่า เป็นหนึ่งในผู้ที่ใช้ภาษาแต่งเพลงได้อย่างทรงพลัง ซึ่งเนื้อร้องในบทเพลงของบ็อบ มาร์เลย์ มักจะมี 'ราก' มาจากสภาพสังคมจาเมกา บ้านเกิด โดยเฉพาะเรื่องของการเมืองและวัฒนธรรม อย่างไรก็ตาม บทเพลงบ็อบ มาร์เลย์ มีลักษณะนุ่มนวลกว่าบทเพลงเพื่อชีวิตที่ร่วมสมัยทั้งในขณะนั้นและในขณะนี้ ขณะที่เนื้อร้องก็ค่อนข้างสุภาพ ไม่เกรี้ยวกราด แต่จะมีนัยยะ แฝงทัศนะทางสังคม และการมองโลกไว้อย่างลึกซึ้ง

บ็อบ มาร์เลย์ ใช้ดนตรีและบทเพลง เป็นอาวุธในการต่อสู้เรียกร้องสิทธิเสรีภาพของคนผิวสี ท่ามกลางกระแสความแตกแยกเรื่องสีผิว หลังเหตุจราจลและการปะทะกันระหว่างกลุ่มคนผิวขาวและผิวสี ในประเทศจาเมกา เมื่อปี 2508 ขณะที่บทเพลงจำนวนมากของบ็อบ มาร์เลย์ ถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการแสดงออกถึงปัญหาสังคม โดยกลุ่มรณรงค์ต่อต้านการเหยียดผิว และขบวนการคนผิวดำ เช่นเพลง I shot the Sheriff

การก้าวขึ้นเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ ในบริบทสังคมที่เปราะบาง ทำให้ความเสี่ยงจะถูกหมายปองเอาชีวิตเพิ่มสูงขึ้น โดยเมื่อปี 2519 เขาและเพื่อนร่วมวง ถูกลอบยิง ก่อนขึ้นแสดงคอนเสิร์ต 'สไมล์ จาเมกา' ฟรีคอนเสิร์ตที่มีวัตถุประสงค์ ผ่อนคลายความตึงเครียดทางการเมืองของสังคมจาเมกา

บ็อบ มาร์เลย์ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และตัดสินใจขึ้นแสดงคอนเสิร์ต ในอีก 2 วันต่อมา แม้ว่าภรรยาและเพื่อนร่วมวงคนหนึ่งจะได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเขาได้กล่าวถึงเหตุผลว่า 'บรรดาผู้คนที่พยายามหาทางทำให้โลกนี้เลวร้ายลง ต่างไม่เคยคิดจะหยุดพัก แล้วตัวเขาเองจะมามัวหยุดพักได้อย่างไร' คำตอบนี้ กลายมาเป็นหนึ่งใน 'วลีสันติภาพ' ภายใต้ความทรงจำของใครหลายคน ขณะที่สาวกอีกหลายต่อหลายคนกล่าวว่า แม้ร่างกายของบ็อบ มาร์เลย์จะร่วงโรยไป แต่หาใช่จิตวิญญาณจะร่วงโรยตาม และหากโลกจะเลวร้ายอย่างไร แต่ everything is gonna be alright...






J

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น