วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

‘City Lights Bookstore’ เมืองแห่งแสง ต้นทางความสว่าง



โลกยุค 60 คือช่วงเวลาฝันสลายของอเมริกัน ดรีม, ช่วงเวลาปะทุของความขบถที่อัดอั้น และช่วงเวลาสำคัญของกลุ่มบีท

ชนกลุ่มสำคัญที่ไม่เพียงเป็นต้นกำเนิดแนวคิดการดำรงตนแบบฮิปปี้ แต่คือผู้บุกเบิกและแผ้วทางแนวทางของการตั้งคำถามกับสังคม จนมักถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกประพฤติตัวขัดต่อศีลธรรมอันดี และเป็นภัยต่อสังคม


กลุ่มบีท เป็นการรวมตัวของนักเขียนแนวขบถ ที่รวมตัวกันช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นจากมหานครนิวยอร์ค ก่อนจะมาร่วมหัวจมท้ายก่อตั้งเป็นกลุ่มก้อนกันที่ ซาน ฟรานซิสโก ใจความของบีท คือการสะลัดวัตถุนิยม และน้อมนำแนวคิดของศาสนาฝั่งตะวันออก, การพี้ยาเสพติดและการกำเนิดทางเลือกของเพศวิถี ขณะที่สิ่งสำคัญที่สุดคือการทวงถาม ถึงสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ที่วัฒนธรรมอเมริกันยุคนั้นขาดแคลน

Howl บทกวีไร้ฉันทลักษณ์ของ Allen Ginsberg, On the Road คู่มือสำหรับฮิปปี้ ของ Jack Kerouac และ Naked Lunch นิยายดิบลือชื่อของ William S. Burroughs หนังสือเหล่านี้คือสัญลักษณ์และตำนานของโลกขบถ โดยมี City Lights Bookstore เป็นอารามหลวง ที่เหล่าสาวกกลุ่มบีท จะมารวมตัวกัน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทัศนคติ แง่มุมการมองโลกที่ฉาบฉวยและลึกซึ้ง ความเป็นตำนานของกลุ่มบีท ฉายแสงให้อารามหลวงแห่งนี้ งดงามจนยากที่จะไม่กล่าวถึง หากนึกถึงความแตกต่าง, ขบถ, อินดี้, ฮิปปี้ และบีท!

City Lights Bookstore ก่อตั้งโดย Peter D. Martin และ Lawence Ferlinghetti เมื่อปี 1953 บริเวณ Columbus Ave. เลขหมายที่ 261 สไตล์การตกแต่งสถานที่แห่งนี้ อาจไม่ได้สวยงาม เหมือนร้านหนังสือหรือร้านกาแฟรสนิยมสูงร่วมสมัยหลายแห่ง แต่จำนวนหนังสือมหาศาล ที่มีอยู่เกือบทุกซอกทุกมุม กลายเป็นเครื่องประดับ ที่ผนวกบรรยากาศความดิบและความสุขุม รวมกันไว้ได้อย่างลงตัว ขณะที่ป้ายลายมือตัวเขียนธรรมดา แต่เนื้อหาคมๆอย่าง 'Have a seat and read a book' หรือ 'Books not Bomb' ก็สามารถสร้างเอกลักษณ์และบอกตัวตนความเป็น City Lights Bookstore ได้เป็นอย่างดี


เหตุผลของการเดินทางไปแวะเวียนร้านหนังสือแห่งนี้ มีไม่มากไม่น้อย ซึ่งถึงคุณจะไม่ได้มีอารมณ์ร่วมในวาทกรรม เช่น ร่วมรักดีกว่าร่วมสงคราม, ความรักคือทุกสิ่ง หรือ ความบ้าทำให้ฉันมีเหตุผล แต่การเดินเข้าไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญของประวัติศาสตร์เสรีภาพในอเมริกันชน ก็คงไม่ใช่เหตุผลที่ดูไร้สาระจนเกินไป ขณะเดียวกันหากคุณเป็นผู้หนึ่งที่มีไฟขบถลุกโชนอยู่ในตัว, ชื่นชอบการอ่านหนังสือ และมักไตร่ตรองถึงคุณค่า รวมถึงความหมายของชีวิต สถานที่แห่งหนึ่งคือจุดหมายที่ไม่ใช่เพียงคุณควรไปเยือนสักครั้ง แต่ชีวิตนี้คุณ 'ต้อง' ไปให้ได้สักครั้ง

City Lights Bookstore มีวรรณกรรม, หรือหนังสือรวมบทกวีที่มีเนื้อหาพูดถึง 'ชีวิต' มากมาย เต็มแน่นทั้งสามชั้นของตึกทำการ และมีหนังสือตั้งแต่ประเภทที่ได้รับการตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ขนาดใหญ่ ไปจนถึงหนังสือจำพวกนอกกระแส หายาก ยากขนาดที่ผู้ไปเยือนบางรายนิยามว่า 'ไม่อาจซื้อหาได้จากที่ไหนในโลก'


อารามหลวงของสาวกบีท ยังเป็นสถานที่ชุมนุมของบรรดานักคิด นักเขียนจากทั่วโลก ให้มาแลกเปลี่ยนวิวาทะ, ทัศนคติ และแนวคิดของการแสวงหา โดยเชื่อกันว่า แสงสว่างจาก City Lights Bookstore จะยังคงเฉิดฉายต่อไป ตราบใดที่ความหมายของสิ่งที่เราเรียกกันว่า 'ชีวิต' ยังเป็นเพียงภาพเรือนลางที่รอคอยแสงสว่างมาปลุกการตื่นรู้ ในวันใดวันหนึ่ง





J

วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2554

'จิตสบาย กายแจ่มใส'


การจ่ายยาจำพวกแป้ง หรือก้อนน้ำตาล อาจกลายเป็นหนึ่งในแนวทางการรักษาโรคง่ายๆจำพวกปวดหัวสำหรับโลกอนาคต เมื่อผลการศึกษาจากนักวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน พบว่า การจ่ายยาหลอกที่ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆต่อร่างกาย (พลาเซโบ - Placebo) สามารถรักษาอาการป่วยบางประเภทได้ โดยใช้เพียงความน่าเชื่อถือ, ความสัมพันธ์ และความเชื่อใจระหว่างผู้ป่วยและคนจ่ายยา

นิตยสารอิโคโนมิสต์ เปิดเผยผลการวิจัยว่า แพทย์บางรายไม่จำเป็นต้องจ่ายยา ที่ให้ผลในเชิงเทคนิค เพียงสามารถกระตุ้นให้คนป่วยรู้สึกและเชื่อว่าเขากำลังจะหาย ก็สามารถทำให้ผู้ป่วยรายนั้นมีอาการดีขึ้น เช่นเดียวกับรายงานจากเว็บไซต์ทางการแพทย์ เว็บเอ็มดี ที่กล่าวว่า ผลกระทบของการจ่ายยาหลอกไม่เพียงสามารถรักษาอาการป่วย แต่มันยังมีผลกระทบต่อจังหวะการเต้นของหัวใจ, ความดัน, ระบบการย่อยอาหาร หรือสิ่งต่างๆภายในร่างกาย ที่เราไม่สามารถควบคุมได้

ขณะเดียวกัน รายงานที่ได้รับการเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์วารสารทางแพทย์ โปรส์ วัน อ้างว่า การฉีดยาหลอก จะให้ผลได้ดีกว่าการจ่ายยาหลอก ขณะที่การผ่าตัดหลอกจะให้ผลต่อตัวผู้ป่วยได้ดีที่สุด แต่สิ่งที่น่าประหลาดคือ ผู้ป่วยบางรายมีอาการดีขึ้น แม้แพทย์จะอธิบายว่า การเข้ารับรักษานั้นเป็นเพียงการรักษาแบบหลอก

อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างตัวผู้ป่วยกับแพทย์ เป็นส่วนที่มีผลต่อการรักษาด้วยกระบวนการรักษาแบบจ่ายยาหลอกมากที่สุด โดยนายแพทย์ ชาร์ลส์ เรซัน คอลัมนิสต์ของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น กล่าวว่า อารมณ์ความรู้สึกและความเชื่อใจระหว่างผู้ป่วยกับแพทย์ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการรักษา ซึ่งสามารถสังเกตได้จากผลของการประสบความสำเร็จ ในแนวทางการรักษาแบบทางเลือก ที่ผู้ป่วยมีโอกาสพูดคุยและได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เป็นเวลานานกว่า การรักษาจากแพทย์ตามโรงพยาบาล ซึ่งความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันและกัน นำไปสู่การเชื่อถือ ที่ให้ผลการรักษาในทำนองเดียวกับการจ่ายยาหลอก

เทคโนโลยีที่พัฒนาในโลกปัจจุบัน เริ่มเผยให้เห็นความจริงที่น่าสนใจบางประการของชีวิต เมื่อเราสามารถพัฒนาสารเคมีที่บรรเทาอาการปวดได้อย่างชะงัก จากทุนงบประมาณการวิจัยหลายพันล้านบาท ก่อนจะมาพบว่า บางครั้ง ธรรมชาติได้มอบทางออกให้แก่มนุษย์ ใกล้ตัวและง่ายดายกว่านั้น





J