วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

การปิด และเปิด 'เกมส์ล้างแค้น'




ประธานาธิบดีบารัก โอบาม่า ออกแถลงการณ์ยืนยัน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่า กองทัพสหรัฐฯ สามารถบุกเข้าโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มอัล กออิดะห์ ในประเทศปากีสถาน และภายหลังจากการนำดีเอ็นเอของร่างชายต้องสงสัย ไปตรวจกับน้องสาวของอุซามะห์ บิน ลาดิน ก็พบว่า หนึ่งในผู้เสียชีวิต คือหัวหน้ากลุ่มผู้ก่อการร้าย อัลกออิดะห์ หรือ อุซามะห์ บิน ลาดิน

หลังจากที่ทราบข่าว ประชาชนชาวสหรัฐฯจำนวนมาก ออกมาร่วมเฉลิมฉลองแสดงความยินดีกันในหลายพื้นที่ ทั้งในกรุงวอชิงตัน ดีซี หรือกลางมหานครนิวยอร์ค เช่นเดียวกับ ผู้นำชาติต่างๆ ทั้งผู้นำอัฟกานิสถานที่ออกมาแสดงความเห็นว่า การตายของบิน ลาดิน คือหนึ่งในเหตุการณ์ที่มีความสำคัญที่สุดเหตุการณ์หนึ่งของโลก ส่วนรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวแสดงความยินดี และเชื่อว่า สถานภาพทางการเมืองของอัฟกานิสถาน จะดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ชายที่คนจำนวนกว่าครึ่งโลกรู้สึกโล่งใจ เมื่อได้ยินข่าวการตาย เกิดเมื่อปี 2500 โดยไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าบุตรชายของเศรษฐีนักธุรกิจชาวซาอุฯ เปลี่ยนไปเข้าพวกกับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงได้อย่างไร แต่มีหลักฐานที่ค่อนข้างเชื่อถือได้ว่า บิน ลาดิน เป็นผู้ที่ช่วยระดมทุน และหาช่องทางให้อาสมัครชาวมุสลิม ได้เข้าร่วมการรบในฐานะนักรบศาสนา มุญาฮิดีน ระหว่างการรุกรานประเทศอัฟกานิสถานของโซเวียต เมื่อปี 2522

ขณะที่ความชิงชังสหรัฐฯ เชื่อกันว่าเริ่มต้นขึ้นระหว่างวิกฤติการณ์อ่าวเปอร์เซีย เมื่อปี 2533 - 2534 หลังสหรัฐฯ ดำเนินการตั้งฐานทัพในประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อตอบโต้กองทัพอิรักที่พยายามบุกเข้ายึดครองคูเวต โดยบิน ลาดิน รู้สึกว่าการกระทำของสหรัฐฯ เป็นเสมือนการรุกรานดินแดนอาหรับของชาวตะวันตก เขาจึงเริ่มต้นคิดหาหนทาง 'แก้แค้น'

บิน ลาดิน ถูกทางการสหรัฐฯเชื่อมโยงกับกลุ่มอัล กออิดะห์ ครั้งแรก จากเหตุการณ์วางระเบิดตึกเวิร์ดเทรด เซนเตอร์ ในสหรัฐฯ เมื่อปี 2536 ซึ่งหลังจากนั้น เหตุการณ์วินาศกรรมครั้งใหญ่ ทั้งในและนอกสหรัฐฯ ที่มีเหยื่อเป็นชาวอเมริกัน มักถูกนำไปเชื่อมโยงกับตัว อุซามะห์ บิน ลาดิน

เขาได้รับการยอมรับอย่างสูงในฐานะของจอมวางแผน โดยเฉพาะเหตุการณ์ช็อกโลกอย่าง 9/11 ที่มีผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินก่อนนำพุ่งชนตึกเวิร์ดเทรด เซนเตอร์ และอาคารเพนตากอน ของสหรัฐฯ จนมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนสูงถึง 3,000 ราย เมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2544

เหตุการณ์ 9/11 ตามมาด้วยการ 'ล้างแค้น' ครั้งใหญ่ของกองทัพสหรัฐฯ ในการบุกเข้าปราบปรามกองกำลังตาลีบัน ในประเทศอัฟกานิสถาน ซึ่งสุดท้ายแม้ ตาลีบันจะพ่ายแพ้อย่างราบคาบ แต่สหรัฐฯ ก็ยังไม่สามารถจับกุมตัว อุซามะห์ บิน ลาดิน ที่หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้ จนกระทั่งวันที่ 1 พฤษภาคม 2554 โลกก็ได้ยินข่าวว่า แผนการตามล่าที่ดำเนินมาเป็นระยะเวลากว่า 18 ปี สัมฤทธิ์ผล

การตายของอุซามะห์ บิน ลาดิน อาจนำไปสู่จุดจบของการก่อการร้าย ได้เช่นเดียวกับการเป็นบทโหมโรงให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือนมากขึ้น โดยประธานาธิบดีบารัก โอบาม่า ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ในแถลงการณ์ยืนยันการเสียชีวิตของบิน ลาดินว่า ประชาชนชาวอเมริกัน อาจจำเป็นต้องเตรียมรับมือกับภัยก่อการร้ายเพิ่มมากขึ้น แม้กลุ่มอัล กออิดะห์ จะสูญเสียผู้นำของตนไปแล้วก็ตาม


ซึ่งหากการตายของอุซามะห์ บิน ลาดิน คือสิ่งที่คนกว่าครึ่งโลกต้องการ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากไฟแค้นที่ต่างฝ่ายต่างกระพือ อาจทำให้ไม่มีใคร ได้ลิ้มรสชัยชนะในสงครามครั้งนี้





J

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น