สื่อมวลชนต่างชาติวิเคราะห์ว่า แถลงการณ์ 2083: A European Declaration of Independence คือหัวใจหลักสำคัญอีกประการ ที่จะทำให้เข้าใจความคิดเบื้องหลังของ แอนเนอร์ส เบห์ลิง เบรวิก นอกจากคำให้การที่เขากล่าวต่อศาลนอร์เวย์ ซึ่งแม้ตามชื่อปกของแถลงการณ์ดังกล่าวจะมีชื่อผู้เขียนว่า แอนดรูว์ เบอร์วิค แต่คนเขียนได้กล่าวถึงตัวเองในภายหลังว่าชื่อ แอนเนอร์ส เบห์ลิง เบรวิก และแม้จะไม่มีใครสามารถกล่าวยืนยันได้ว่าแถลงการณ์ 2083: A European Declaration of Independence หรือคลิปวิดีโอเกี่ยวกับแถลงการณ์ ความยาว 12 นาทีในยูทูป เป็นฝีมือของแอนเนอร์ส เบห์ลิง เบรวิก แต่หากมองถึงรายละเอียดก็อาจจะพอสังเกตได้ถึงความเชื่อมโยง
เอกสารความยาวกว่า 1,500 หน้า มีเนื้อหาใจความหลักกล่าวถึงการต่อต้านชาวมุสลิมในยุโรป และวัฒนธรรมมาร์กซิสม์ ที่ยังฝังรากลึกอยู่ในระบบสังคมโลก โดยแถลงการณ์เริ่มต้นว่า ภายในปี 2050 ประชากรส่วนใหญ่ของชาวยุโรปทั้งหมด จะเป็นพวกมุสลิม นอกจากเราจะเริ่มต้นขั้นตอนการล้มล้างกลุ่มพวกสนับสนุนความหลากหลายทางวัฒนธรรม
แถลงการณ์ 2083: A European Declaration of Independence แสดงให้เห็นความเป็นนักอนุรักษ์นิยมและการเหยียดผิว โดยเฉพาะมุสลิมอย่างสุดโต่ง ทั้งการวิจารณ์เหตุการณ์สังหารโหดในสงครามโคโซโว และขับไล่พวกมุสลิมชาวอัลเบเนียนกลับประเทศ เมื่อปี 1999 ว่าเป็นสิ่งที่ชอบธรรม หรือวิพากษ์ว่า การมอบรางวัลโนเบล ให้กับยัสเซอร์ อาราฟัต ผู้นำชาวปาเลสไตน์ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ผู้เขียนยังได้กล่าวถึงปี 2083 ว่า จะเป็นปีซึ่งสงครามกลางเมืองในยุโรปจบลง พร้อมความพ่ายแพ้ของวัฒนธรรมมาร์กซิสม์ รวมถึงการเนรเทศชาวมุสลิมทั้งหมด ขณะที่วิดีโอเกี่ยวกับแถลงการณ์ 2083 ที่โพสในยูทูป มีภาพของแอนเนอร์ส เบห์ลิง เบรวิก ในชุดนาวิกโยธินสหรัฐฯ และตราไม้กางเขน, อัศวัน รวมถึงสัญลักษณ์ขององค์กรใต้ดิน ฟรีเมสัน ขณะที่อีกภาพเป็นแอนเนอร์ส เบห์ลิง เบรวิก ถือปืนไรเฟิล และสวมชุดที่มีข้อความตรงไหล่ว่า 'นักล่ามาร์กซิสต์'
โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในนอร์เวย์ ที่คร่าชีวิตผู้คนบริสุทธิ์ไปร่วมหนึ่งร้อยราย พอจะบอกอะไรแก่เราได้บ้าง การต่อสู้ที่จำเป็นในขณะนี้ อาจไม่ใช่สงครามระหว่างโลกตะวันตกกับชาวมุสลิม แต่แท้ที่จริงแล้ว มันเป็นเรื่องของการต่อสู้ระหว่างคนธรรมดา กับพวกไร้สติที่อ้างการกระทำทุกครั้งของตัวเอง ว่าเป็นไปตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า กลุ่มคนอย่างแอนเนอร์ส เบห์ลิง เบรวิก, กลุ่มคลั่งชาติ, ซ้ายและขวาจัด, คริสเตียนและมุสลิมหัวรุนแรง คือผลผลิตของสังคมที่ผิดเพี้ยน จนทำให้บุคคลกลุ่มนี้ มีลักษณะร่วมคล้ายกันบางประการ โดยเฉพาะอาการหวาดกลัว 'ความแตกต่าง' เนื่องจากสิ่งนี้ มักนำมาซึ่งความรู้สึกไม่ปลอดภัย
เหตุการณ์วินาศกรรมที่นอร์เวย์ ไม่ได้เกิดขึ้นจากฝีมือของคนๆเดียว แต่มันเป็นผลมาจากการสั่งสมและปลูกฝังความคิดความเชื่อผิดๆบางประการ ที่ 'คนทั้งสังคม' ควรมีส่วนร่วมรับผิดชอบ โดยไม่ใช่ด้วยการกำจัดให้ 'หายไป' แต่ต้องให้ 'การรักษา' เพื่อความเข้าใจร่วมกันว่า เราสามารถยืนอยู่ด้วยกันได้ แม้บน 'ใจ' ที่มีความแตกต่าง
J
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น